จริง ๆ แล้วตั้งใจจะลงสูตรวาราบิโมจิมานาน แต่จังหวะเวลาและวัตถุดิบหาไม่ง่าย และพึ่งมาลงตัวอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ แป้งสำหรับทำวาราบิโมจิหาซื้อยากถ้าเทียบกับแป้งชิราตามะโกะ หรือแป้งข้าวเจ้า ในย่านที่ต๊ะอยู่มีซุปเปอร์มาเก็ตที่สามารถเดินไปได้ประมาณ 7-8 แห่ง มีแค่ 2 แห่งเท่านั้นที่มีขาย และมีแค่แห่งเดียวที่ขายแป้งแบบที่ชอบ
ช่วงที่ผ่านมาอากาศเริ่มร้อน คนทำวาราบิโมจิมากกว่ากว่าช่วงอื่น ไปหาซื้อทุกวันติดกัน 4-5 วัน ไม่ได้ติดมือกลับมาเลยซักวันจนคิดว่าจะล้มเลิกความตั้งใจล่ะ พอดีวันอาทิตย์แวะไปดู ของคงพึ่งลงเลยซื้อมารวดเดียว 6 ห่อ ถือว่าเป็นยันต์กันเจ๊ง (จริง ๆ ทำไม่ยากนะคะ แต่บางทีก็ต้องเผื่อ เพราะต้องถ่ายรูป) แบกกลับบ้านมาอย่างร่าเริง ลงมือทำเลยค่ะ
วาราบิโมจิโดยมากแล้วจะทำจากแป้งวาราบิโมจิ ซึ่งมักจะมีส่วนผสมของแป้งชนิดอื่นรวมด้วย และบางครั้งอาจไม่มีแป้งวาราบิเป็นส่วนผสมเลยก็มีค่ะ บางครั้งหน้าซองอาจเขียนว่าแป้งวาราบิแท้ แต่จริง ๆ ไม่ใช่ อันนี้ต้องสังเกตดูส่วนผสมดี ๆ นะคะ เพราะตรงนี้ไม่ได้มีข้อกำหนดอะไร ที่ต้องผสมแป้งชนิดอื่น ๆ ก็เพราะวาราบิเป็นพืชที่พบเห็นได้น้อย ส่วนที่จะใช้ทำแป้งได้ก็มีนิดเดียว แป้งวาราบิแท้จึงมีราคาสูงมาก
วันนี้ต๊ะใช้แป้งวาราบิโมจิที่มีส่วนผสมของแป้งมัน แป้งคุซึ และแป้งวาราบิ กับแป้งวาราบิโมจิทำจากแป้งมันเทศเพียงอย่างเดียว แบบแรกราคาจะอยู่กลาง ๆ รสชาตินุ่มนวลและเป็นแบบที่ต๊ะชอบใช้ ส่วนแบบที่สองเป็นแป้งราคาไม่แพง ทำออกมาจะต่างกันยังไงมาดูกันค่ะ แต่ขอไม่โชว์รูปสินค้านะคะ
เอาล่ะค่ะ ตามมาดูสูตรวาราบิโมจิ ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะและโคชิดีกว่า อร่อยน้า
ส่วนผสม
แป้งวาราบิโมจิ 100 กรัม
นํ้าตาล 50 กรัม
นํ้าเปล่า 500 มล.
สำหรับเสิร์ฟ
นํ้าตาลดำ (kurozato) 50 กรัม
นํ้าเปล่า 200 มล.
ผงถั่วคินาโกะ
วิธีทำ
สูตรเอามาจากเว็บไซต์ผู้ผลิต แต่วิธีทำปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามอุปกรณ์ที่มีนะคะ
1. ผสมแป้ง นํ้าตาล นํ้าเปล่า ในอ่างผสม จริง ๆ จะใช้หม้อธรรมดาก็ได้นะคะ แต่บ้านต๊ะไม่มีหม้อสำหรับทำขนมหวาน กลัวกลิ่นพะแนงจะติดมาขอใช้อ่างผสมเพื่อความมั่นใจค่ะ
2. เอาหม้อใส่นํ้าต้มให้เดือด วางอ่างผสมลงไปด้านบน กวนไปเรื่อย ๆ นะคะ
3. พอแป้งเริ่มสุกใส ก็ยกลงกวนต่อจนแป้งสุกใสทั่วเป็นเนื้อเดียวกัน โรยผงถั่วบนถาดหรือภาชนะที่จะใช้ใส่วาราบิโมจิ จริง ๆ เทเลยได้นะคะ แต่ต๊ะไม่แน่ใจว่าถาดที่บ้านจะติดไหม จริง ๆ มันก็ non stick นะคะ4. เสร็จแล้ววางในอ่างที่ใส่นํ้าแข็ง ทิ้งไว้ให้เย็นและเซ็ตตัว ประมาณ 20 นาทีนะคะ
5. เสร็จแล้วเทออกมาหั่นนะคะ จะสังเกตว่าแป้งจะนุ่ม ใส และไม่คงรูป หั่นแล้วไม่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเป็นเพราะแป้งนุ่มมาก ๆ ค่ะ ทำเสร็จแล้วรีบทานให้หมด และถ้าจะแช่เย็นก็ไม่ควรเกิน 1 วันนะคะ
6. ผสมนํ้ากับนํ้าตาลดำ เอาไปตั้งไฟให้เดือดและนํ้าตาลละลายหมด ถ้าชอบหวานและอยากได้นํ้าเชื่อมเหนียว ๆ ลดปริมาณนํ้าลงเหลือ 50 มล. นะคะ
เทียบกันดูนะคะระหว่างวาราบิโมจิที่ทำจากแป้งวาราบิโมจิที่มีส่วนผสมแป้งมัน แป้งคุซึ และแป้งวาราบิ (ซ้าย) กับที่มีส่วนผสมเป็นแป้งมันเทศล้วน (ขวา) จะเห็นว่าเนื้อวาราบิโมจิด้านซ้ายใส และนุ่มกว่า ด้านขวาเนื้อจะขาวขุ่นชัดเจน แป้งแข็ง และเวลาโรยผงถั่วลงไปจะไม่สวยฟุ้ง
แป้งที่เหลือ เอาไว้ทำวาราบิโมจิรอบต่อไปนะคะ จะใส่นํ้าตาลดำ หรือใส่ถั่วกวนเป็นไส้ก็จัดตามความชอบนะคะ ลองทำกันดูนะคะ
No comments:
Post a Comment