Saturday, February 23, 2019

ทำอะไรดี มีเวลาเหลือที่นาริตะ: 2 Days in Narita and Beyond (Day2)


หลังจากจบทัวร์ในวันแรก วันนี้ต๊ะก็ยังอยู่กับ Narita Airport Transit & Stay Program นะคะ

Narita Airport Transit & Stay Program เป็นทัวร์ที่มีไกด์อาสาสมัครพาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ สนามบินนาริตะ มีโปรแกรมให้เลือกหลากหลาย เป็นทัวร์ส่วนตัว กลุ่มเล็ก ๆ ใครที่มีเวลาเหลือที่สนามบิน ลองคลิกลิงค์ด้านบนเข้าไปดูรายละเอียดนะคะ

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตี 5 น้ำไม่อาบเพราะหนาวค่ะ ล้างหน้า แต่งตัวออกสำรวจเมืองกันเลย ก็เดินลัดเลาะไปทางด้านหลังผ่านรูปปั้น Inoh Tadataka นักสำรวจคนสำคัญของญี่ปุ่น ผ่านพิพิธภัณฑ์ อาคารเก่าแก่ เดินเลียบแม่น้ำดูบ้านเรือนไปเรื่อย ๆ นาน ๆ ทีก็เห็นคุณยาย คุณป้าออกมาเดินออกกำลังกายบ้าง








เดินกลับไปโรงแรมเก็บของ ออกมากินข้าวเช้าที่ตึกด้านหน้า (ส่วนที่เป็น reception) ทางโรงแรมบริการอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น มีข้าวสวยจากคาโตริ ซุปมิโซะ ปลาย่างเสิร์ฟกับซอสบ๊วย ไข่หวาน ผักตุ๋นปรุงรสใส่กุ้ง และผักดองอีก 3-4 อย่าง ไข่หวานเนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำมาก หอมดาชิ ด้านในสอดไส้วาซาบิและมายองเนส วาซาบิไม่เผ็ด ไม่ฉุนนะคะ น่าจะใช้วาซาบิสดแต่ก็ไม่แน่ใจ เนื้อไข่ซุยมาก สุกพอดีเป๊ะ ๆ



ออกจากโรงแรมเดินไปที่ Hostel Co-Edo Sawara ที่พักอีกแห่งที่อยากแนะนำค่ะ เป็นโฮสเทลที่ใช้โกดังเก็บสินค้าเก่าแก่มาปรับทำที่พัก มีห้องพัก 8 ห้อง คือ 4 ห้องเดี่ยว (มีห้องน้ำ ห้องสุขาในตัว) และ 4 ห้องรวมค่ะ โฮสเทลนี้ค่อนข้างสว่าง รับแสงจากธรรมชาติเต็ม ๆ เพราะไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ ห้องรวมขนาด 4 เตียง เป็นเตียง 2 ชั้น เด็ก ๆ น่าจะชอบ มีห้องครัว มีเครื่องครัวบริการ ของใช้ต่าง ๆ แน่นอนว่าไม่ได้ใหม่กริบ แต่ก็อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน จริงอยู่ว่าพวกเราคนไทยเวลาไปเที่ยวอาจจะไม่ได้ทำอาหารอะไรจริงจัง แต่ถ้ามีครัวเราก็ต้มมาม่า หรือซื้ออาหารมาอุ่น หรือซื้อผลไม้แล้วมาปอก นั่งทานกันแบบสบาย ๆ อุ่น ๆ ได้ ติดกับครัวมีบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ดูน่านั่ง เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักนักท่องเที่ยวคนอื่น หาเพื่อนใหม่ได้ง่ายนะคะ





ที่นี่อาจจะไม่มีพนักงานที่สื่อสารได้หลายภาษา แต่ก็มีการใช้แอปต่าง ๆ ช่วยแปลภาษาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เวลาเห็นความพยายามแบบนี้แล้วรู้สึกชื่นใจจัง วันนี้เวลาน้อยนะคะ เสียดายไม่ได้มีโอกาสลองใช้ดู แต่เชื่อว่าเวิร์คค่ะ เพราะในญี่ปุ่นไม่มีอะไรที่วางไว้แล้วใช้ไม่ได้ ก็เป็นที่พักอีกแห่งที่แนะนำค่ะ




ออกจากโฮสเทลไปที่ Suigo Sawara Dashi Kaikan พิพิธภัณฑ์จัดแสดงขบวนแห่ที่ใช้ในงานเทศกาลใหญ่ของซาวาระ (Sawara Grand Festival) ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองนี้ เวลามีงานท้องถนนที่เงียบ ๆ แบบนี้จะแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบไหลเลยค่ะ เทศกาลนี้จัดปีละ 2 ครั้งในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงโดยขบวนแห่ที่ใช้จะไม่เหมือนกันค่ะ ดูจากวีดิโอแล้วเค้าไม่ได้เดินกันเงียบ ๆ นะคะ ทั้งร้องเพลง ทั้งเต้นไปตลอดทาง เป็นเทศกาลที่คึกคักมาก ๆ เทศกาลหนึ่งเลยทีเดียว ขบวนแห่ที่เห็นในพิพิธภัณฑ์เป็นขบวนที่ใช้จริงในงานนะคะ





ออกจากพิพิธภัณฑ์เดินเลียบแม่น้ำชมเมืองกันต่อ ตอนนี้พอเริ่มสายนักท่องเที่ยวจะเริ่มเยอะ ส่วนมากเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ เราไปแวะที่ Fukushin Gofukuten ร้านขายสินค้าแฮนด์เมด มีทั้งผ้าห่อของ ผ้าคลุมไหล่ ตุ๊กตาแบบญี่ปุ่น ร้านไม่ได้กว้างมากแต่ก็มีของให้เลือกไม่น้อยค่ะ หลังร้านยังเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ๆ เดินเข้าไปชมได้ ซึ่งทั้งเมืองจะมีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แบบนี้ถึง 42 แห่งค่ะ




เสร็จแล้วไปแวะร้าน Sawara Jusanri ร้านขายขนมญี่ปุ่นที่มีส่วนผสมหลักเป็นมันเทศ มีขายกันทั้งโดรายากิ พุดดิ้งญี่ปุ่น โดนัท มันเผา มันหวานอบ อิโมะเคมปิ (มันเทศญี่ปุ่นหั่นเป็นแท่งยาวทอดปรุงรส) โดรายากิร้านนี้ไม่หวานมากนะคะเพราะไส้จะใส่ทั้งถั่วกวนและมันเทศนึ่ง กลมกล่อมไม่ฝืดคอ ส่วนพุดดิ้งจะเนื้อแน่นกว่าพุดดิ้งทั่วไปเพราะใส่มันเทศลงไปด้วย หอมอร่อยดีคล้าย ๆ ขนมหม้อแกงบ้านเราค่ะ




อยากให้ลองมาเที่ยวซาวาระ อดีตเมืองค้าขายสมัยเอโดะที่เวลาไหลไปอย่างช้า ๆ แต่ก็เป็นเมืองหลายมุม เห็นมีแต่ตึกโบราณสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วมีร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารฝรั่งเศส คาเฟ่น่ารัก ๆ แฝงตัวอยู่อย่างกลมกลืน ตอนกลางคืน ตอนเช้าตรู่บรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย แต่ตอนสาย ตอนบ่ายกลับคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

ออกเดินทางกันต่อไปที่จุดพักรถ Hakko no Sato Kozaki ไปแวะร้านขายของประจำถิ่น ที่เน้นขายของหมัก ผักดอง ซีอิ้ว มิโซะ สาเก อ้อมีชีสเค้ก มีโยเกิร์ต และมีของดีจากจังหวัดอื่นให้เลือกซื้อกันด้วยค่ะ วันนี้ทางร้านให้ลองชิมสินค้าในร้านได้ ที่ลองวันนี้มีสาเก 2 ขวด ซึ่งนักเขียนอีกคนเป็นคนเลือก ต๊ะเองเลือกไม่ถูกเพราะว่ามันไม่ได้มีระดับแอลกอฮอล์ระบุเหมือนที่ไปซื้อจากเครื่องขายของอัตโนมัติ แน่นอนว่าอ่านก็ไม่ออก ก็เลือกจากแพคเกจจิ้งเอาค่ะ ดูที่ดูมุ้งมิ้งหน่อย น่าจะดื่มง่าย ก็ไม่ผิดหวังนะคะ เป็นอามะสาเกรสออกหวาน คล้าย ๆ นมถั่วเหลืองใส่น้ำตาล คนที่ไม่เคยดื่มเหล้าก็ลองดื่มได้ ไม่เมาค่ะ เหมาะกับสุภาพสตรีอย่างเราเป็นอย่างมาก







แล้วก็มีซาบะกระป๋องในน้ำเกลือ อิกะโนะชิโอะการะ (ปลาหมึกหมักด้วยเครื่องในปลาหมึก และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ไข่ปลาค็อด วาซาบิ หรือชิโอะโคจิ) ให้ลองชิมกัน อย่างหลังนี่ทางร้านบอกว่าเข้ากับสาเกมาก แต่ถ้าไม่ดื่มเหล้า กินเปล่า ๆ จะรู้สึกค่อนข้างเค็ม ต้องกินกับข้าวถึงจะพอดีค่ะ รสชาติคล้ายปลาร้า ส่วนซาบะในน้ำเกลือ เนื้อปลาไม่ได้เค็มมากเท่าที่คิด นุ่มและมันกำลังดี

เราเลือกกินข้าวเที่ยงที่นี่ค่ะ มีร้านอาหารเซ็ตแบบญี่ปุ่นขาย ที่เลือกวันนี้เป็นเซ็ตปลา ซาบะย่างซีอิ้วที่มากับเซ็ตนี้อร่อยนุ่ม รสละมุน แล้วก็มีชิโซะมากิ (ใบชิโซะม้วนสอดไส้มิโซะแล้วเอาไปย่าง) ที่อร่อยถูกปากมาก



ก่อนออกเดินทางต๊ะแวะซื้อซีอิ้วแบบสเปรย์ ซึ่งทางร้านบอกว่าหมักจากปลา ฟังดูคล้าย ๆ น้ำปลาเลยซื้อมาลองชิมทั้งกลิ่นและรสคล้ายมาก แต่ก็ไม่หวานเท่า ไม่เหมือนซะทีเดียว อาจจะเป็นเพราะใช้ปลาคนละชนิด (ที่ซื้อมาใช้ปลาฮาตะฮาตะ ปลาทะเลชนิดหนึ่งรสชาติคล้ายปลาเนื้ออ่อน) แล้วก็ซื้อมิโซะแดงที่มีส่วนผสมของข้าวกล้อง และเป็นแบบใส่เกลือน้อยอีกอย่างหนึ่งค่ะ



แวะเที่ยวจุดพักรถรอบนี้ รู้สึกได้เลยว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้เห็นจุดพักรถเป็นแค่ทางผ่าน แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ชัดเจน คือเราสามารถวางแผนการเดินทางโดยมีจุดพักรถเป็นหนึ่งในโปรแกรมได้เลย น่าจะเป็นเรื่องสนุกสำหรับคนที่อยากลองขับรถเที่ยวญี่ปุ่นนะคะ

จากตรงนี้ เราไปแวะโรงบ่มสาเก Nabedana Kouzaki Brewery ไปดูกรรมวิธีผลิตสาเกกันค่ะ ก่อนเข้าโรงบ่มมีให้ชิมเหล้ากันอีกรอบนะคะ มีทั้งสาเกรสผลไม้ (fruity) เหล้าบ๊วย รอบนี้ต๊ะพอแยกความต่างได้นะ เคยเข้าไปดูโรงบ่มสาเกมาบ้าง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จังหวะดี ได้เห็นตอนนึ่งข้าว และได้ชิมข้าวด้วยค่ะ ด้านนอกจะยังแข็ง ๆ แต่ด้านในจะนิ่ม อร่อยดีค่ะ จากนั้นก็ไปดูกระบวนการต่อ ๆ ไป ได้เห็นการบ่มสาเกในถัง ฟังคำอธิบายแล้วรู้เลยว่าเป็นงานที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนมากทีเดียว ก่อนออกจากที่นี่ได้ลองชิมสาเกสดด้วยนะคะ เป็นสาเกที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ยังไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ รสชาติสดชื่น กลิ่นหอม ใครที่ชอบการร่ำสุราห้ามพลาดเลยค่ะ




เป้าหมายต่อไป ต๊ะจะไปหัดย้อมผ้าครามค่ะ ตอนแรกที่อ่านดูในโปรแกรมก็นึกในใจว่าสงสัยจะมีดวงให้เสียทรัพย์ซะแล้ว แต่ก็ไม่ค่ะเพราะที่ Waku-Waku Nishino-Shiro เป็น Community Center ไม่มีของขาย เป็นตึกเอนกประสงค์ มีห้องสำหรับออกกำลังกาย ห้องประชุม ห้องทำกิจกรรมต่าง ๆ วันนี้ได้ลองทำถุงผ้ากับพวงกุญแจนะคะ วิธีการก็คล้าย ๆ กับเราเอาครามมาย้อมเสื้อนักเรียนตอนเด็ก ๆ ไม่ง่ายและไม่ยากค่ะ ต้องละลายครามให้หมด ระหว่างที่ย้อมถ้าเห็นจุด ๆ บนผ้าก็ใช้มือขยี้อย่าให้เหลือรอย ก็จะได้ถุงผ้าครามที่สีสม่ำเสมอ ส่วนการมัดย้อมให้ขึ้นลาย อันนี้ไม่มีกฎตายตัว ทำตามแบบที่ชอบได้เลยค่ะ




หลังย้อมผ้าเสร็จ มีบริการมิโซะซุปค่ะ แต่พิเศษหน่อยคือใช้ Miso Dama เป็นมิโซะ ผสมดาชิ (แบบผง) กับของแห้ง เช่น เต้าหู้หรือหัวไชเท้าแห้ง เสร็จแล้วปั้นให้กลมเป็นลูกบอล เวลาจะทานก็เอาใส่ถ้วยแล้วเทน้ำร้อนลงไป สะดวกมาก ๆ เหมาะที่จะเป็นอาหารเช้า เอาไปทานที่ทำงานก็เหมาะมาก ๆ ลองเอาไปปรับทำดูนะคะ



และแล้วก็มาถึงที่หมายสุดท้าย MEGA Don Quijote ดิสเคาท์สโตร์ขวัญใจมหาชน สาขา Narita นี้มีชั้นเดียว พื้นที่กว้างขวางเดินง่าย ไปดองกี้หลายครั้งแต่พึ่งรู้วันนี้เองว่าที่นี่เปิด 24 ชั่วโมง และมีกระเป๋าแบรนด์เนมขายด้วย อาจจะเป็นเพราะสาชาอื่นมีหลายชั้นก็เลยไม่ทันได้สังเกต วันนี้ได้รู้จักน้องนัท สาวน้อยน่ารัก พนักงานคนไทยประจำที่สาขานี้ค่ะ น้องแนะนำสินค้าในร้านหลายอย่าง ส่วนใหญ่เน้นไปทางเครื่องสำอางเพราะต๊ะชอบอ่ะนะคะ แต่จริง ๆ มีของขายทุกอย่าง ที่ฮิตกันก็มีครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของทองคำเปลว หัวเชื้อไฮยาลูรอน อย่างหลังต๊ะใช้แล้วได้ผลดีนะคะ สำหรับคนผิวผสม ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ใช้แล้วผิวละเอียดขึ้น แนะนำค่ะ






ปกติแล้วเวลามาดองกี้ เข้าใจว่าแต่ละคนคงมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะซื้ออะไร แต่ถ้าเห็นน้องนัทก็ลองให้เค้าช่วยแนะนำได้นะคะ อาจจะได้รู้จักสินค้าใหม่ที่อาจจะไม่ฮิต แต่เหมาะกับเรามากกว่าก็เป็นได้
การเดินทางมาดองกี้ไม่ยุ่งยาก มีชัตเติลบัสรับส่งจากสนามบินนาริตะ มีรถบริการรับส่งจากโรงแรมในแถบนี้ และถ้าเราซื้อของเยอะทางร้านมีบริการส่งของไปที่สนามบิน โรงแรม และส่งต่างประเทศด้วยนะคะ (อันนี้ต้องเช็คเวลากับทางร้านก่อนนะคะว่าทันรอบส่งไหม)



การเดินทาง

คาโตริ (ซาวาระ): จากสนามบินนาริตะใช้บริการ Narita Airport Transit & Stay Program (Tour 10) ทัวร์รถบัสบริการทุกวันอังคาร พุธ และพฤหัส ค่าโดยสาร 3,500 เยน   (เด็กครึ่งราคา) ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง

หรือจากสนามบินนาริตะ นั่งรถไฟ JR ไปถึงสถานี JR ซาวาระ 670 เยน (เที่ยวเดียว)

โคซากิ: จากสนามบินนาริตะใช้บริการ Narita Airport Transit & Stay Program (Tour 5)  แท็กซี่นำเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าบริการ 9,000 เยน ซึ่งทัวร์นี้จะเป็นทัวร์ที่เราจะได้ลองย้อมผ้ากันค่ะ หรือจะใช้บริการทัวร์รถบัส Narita Airport Transit & Stay Program (Tour 10) ก็ได้เช่นกันค่ะ

MEGA Don Quijote สาขานาริตะ: จากสนามบินนาริตะใช้บริการ Narita Airport Transit & Stay Program (Tour 9) ที่เคาน์เตอร์ Narita Airport Transit & Stay Program (9:00–17:00) มีบริการข้อมูลรวมทั้งวิธีเดินทางจากสนามบิน 

 

No comments:

Post a Comment