Friday, February 22, 2019

ทำอะไรดี มีเวลาเหลือที่นาริตะ: 2 Days in Narita and Beyond (Day1)

วันสุดท้ายที่ญี่ปุ่น หลายคนอาจจะมีเวลาเหลือเพราะบินตอนเย็น หรือตอนค่ำ แต่กลัวตกเครื่อง กลัวช้าเลยออกจากโตเกียวตั้งแต่เช้าตรู่ แต่พอมาถึงสนามบินแล้วก็ได้แต่นั่งรอไม่รู้จะทำอะไรดี หรือบางคนอาจจะมีเวลาเหลือ อยากออกต่างจังหวัด แต่ไม่อยากเดินทางนาน ๆ วันนี้ต๊ะจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ สนามบินนาริตะ ที่พัก และวิธีการเที่ยวแบบไม่ต้องห่วงเรื่องตกเครื่องบิน เอ จะเป็นยังไง มาติดตามกันค่ะ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ต๊ะได้รับเชิญจาก Narita Airport Transit & Stay Program ให้เข้าร่วมทัวร์ในวันที่ 12 -13 พ.ย. โดยสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในทริปจะเป็นสถานที่ตามโปรแกรม หลายคอร์สมายำรวมกันค่ะ




Narita Airport Transit & Stay Program เป็นโปรแกรมทัวร์รอบ ๆ สนามบินนาริตะ ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาเหลือที่สนามบิน หรือพักใกล้สนามบิน เป็นทัวร์กลุ่มเล็กและฟรีค่ะ ที่เราต้องเสียก็มีค่าเดินทาง ค่าอาหาร ตลอดทัวร์จะมีไกด์อาสาสมัครดูแล อำนวยความสะดวก รวมทั้งรักษาเวลาไม่ให้เราตกเครื่อง (อันนี้สำคัญ) นอกจากจะดีที่ฟรีแล้ว สำหรับต๊ะการได้คุยกับไกด์อาสาสมัครสนุกสุด ๆ ทุกคนรอบรู้ ตลก และเป็นกันเองมาก อ้อ เค้าพูดภาษาอังกฤษได้นะคะ



ทัวร์ตั้งต้นจาก Michi no Eki Tako Ajisaikan เป็นจุดพักรถในเมือง Tako เราจะขี่จักรยานไฟฟ้าไปที่ Ten-Suzu ร้านเท็มปุระแสนอร่อยของย่านนี้กันค่ะ ก่อนออกเดินทางก็สำรวจจุดพักรถนี้กันหน่อย ด้านบนมีที่นั่งเล่น ด้านล่างมีร้านอาหาร และมีร้านขายของคล้าย ๆ ซุปเปอร์ ขายผักสด ผลไม้ ขนม อาหารพร้อมรับประทาน และก็ของดีประจำถิ่นของที่นี่ นั่นก็คือข้าว ถ้าชอบเดินตลาดจะสนุกมาก อย่าลืมแวะซื้อ Deco Sushi ไปนั่งกินริมน้ำนะคะ อร่อยและหากินที่อื่นยากอยู่





ที่จริงรอบก่อนที่มา ต๊ะนั่งกินอาหารที่โต๊ะไม้ริมแม่น้ำด้านหลัง แล้วก็ได้ล่องเรือสำราญลำเล็ก สไตล์ญี่ปุ่น  (yakatabune) ชมบรรยากาศริมน้ำด้วยนะคะ จำได้ว่าทั้งสองข้างทางมีดอกนาโนะฮานะ (ดอกคาโนลา) บานเต็มสองข้างทาง นอกจากดอกนาโนะฮานะแล้วไกด์ยังบอกวามีดอกซากุระ และดอกไฮเดรนเยียปลูกเป็นทิวแถวไว้เต็ม แต่เรือมีบริการเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนเท่านั้นค่ะ

ขี่จักรยานมาไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วค่ะร้านเท็มปุระ เราเลือกที่นั่งแบบเคาน์เตอร์เพราะจะได้เห็นตอนเชฟทำอาหารใกล้ ๆ ที่ร้านจะทอดเท็มปุระใหม่ ๆ ทีละชิ้น ๆ แล้ววางบนจาน เราจะได้กินแบบร้อน ๆ แต่ก็เป็นความร้อนแบบพอดี คีบเข้าปากได้เลย ไม่มีปากพอง ส่วนเครื่องจิ้มมีทั้งสึยุ เกลือ และโชยุให้เลือกค่ะ แป้งร้านนี้จะเบา ฟูกว่าร้านทั่ว ๆ ไป ชุบแป้งมาแบบไม่บาง ไม่หนา พอดี ๆ







จากร้านเท็มปุระ ก็ยังกินต่อค่ะ ไปที่ร้าน Shiraishi ขายดังโกะ ขนมหวานญี่ปุ่น ไปชิมมิตาราชิดังโกะที่ย่างกันใหม่ ๆ ราดซอสกันให้เห็น ๆ อร่อยค่ะ แป้งนุ่ม กลิ่นหอม รสชาติซอสหวานนิดเค็มหน่อย อิ่มแบบพอดี ๆ ค่ะ นอกจากมิตาราชิดังโกะ ก็มีขนมปังไส้เกาลัด เกาลัดมันจู และขนมหวานอีกหลายอย่าง บางอย่างก็ซื้อเป็นของฝากได้นะคะ





จากนั้นก็ขี่จักรยานไปอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงเป้าหมายถัดไปค่ะ วัด Nichihon-ji วัดเก่าแก่ในย่านนี้ ที่มีชื่อเสียงด้านดอกไฮเดรนเยีย วัดนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ให้บรรยากาศความเป็นวัดที่แท้จริง พิเศษกว่าวัดทั่ว ๆ ไป เพราะวันนี้เรามีพระที่วัดนำชมด้านในวิหารหลัก รวมทั้งชั้น 2 ที่เป็นที่เก็บกิโมโนของสตรีสูงศักดิ์ในย่านนี้ ภาพวาดโบราณ บทสวดมนต์เก่าแก่ที่เก็บรักษาไว้อย่างดี ด้านข้างวิหารมีต้นเมเปิลขนาดใหญ่อายุราว 250 ปี ซึ่งตอนนี้ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี มองจากหน้าต่างไม่เห็นตึกสูง อากาศดีโล่งจมูก ด้านล่างมีศาลเจ้าอินาริเล็ก ๆ 2 แห่ง มีบ่อน้ำและปลาคาร์ฟอ้วนท้วนจำนวนหนึ่ง




เยี่ยมชมวัดเสร็จแล้วเราก็ขี่จักรยานย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อเอาจักรยานไปคืนที่จุดพักรถและดูพระอาทิตย์ตกดิน มาถึงแล้วเมฆเยอะ ท้องฟ้าไม่แดงอย่างที่หวัง แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ลมไม่แรงมาก ไม่หนาวก็โอเคแล้วล่ะ




จากนั้นเราก็นั่งรถต่อเพื่อเดินทางไปเมืองซาวาระ เมืองเล็ก ๆ ในเขตคาโตริ เพื่อกินอาหารเย็นและนอนพักค่ะ หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นชื่อซาวาระเพราะเป็นโลเคชั่นถ่ายซีรีส์ The Rising Sun รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน และ หนังเรื่องฟัด จัง โตะ เดี๋ยวเราจะได้ดูกันว่านอกจากตามรอยละครแล้วที่นี่มีอะไรให้เราทำบ้าง

ใช้เวลาเดินทางไม่นานน่าจะสักครึ่งชั่วโมงหรือ 40 นาที ก็มาถึงเมืองซาวาระ เราจะพักกันที่นี่อย่างที่บอก ที่พักของเราวันนี้คือ NIPPONIA Sawara Merchant Town Hotel ค่ะ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟ JR ซาวาระ มีห้องพัก 9 ห้อง มีตึกทั้งหมด 4 ตึก ตึกแรกเป็น front นะคะ ที่เช็คอิน เช็คเอาท์และด้านบนเป็นห้องอาหาร คุยกับทางโรงแรมแล้วรู้ว่าตึกที่นำมาปรับเป็นโรงแรมนี้เป็นอาคารเก่าแก่ มีความเป็นมาที่น่าสนใจ เป็นอดีตคฤหาสน์พ่อค้าฝ้าย เป็นโกดังเก็บสินค้าบ้าง เป็นโรงรับจำนำ (นายทุนเงินกู้) และยังมีรอยอดีตให้เห็นจนปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเซฟเก็บของ หรือลิฟท์ขนของ ซึ่งเก่าแต่เก๋านะคะเพราะลิฟท์ขนของทำนองนี้ยังเห็นได้ในโรงเรียน (ไว้ขนอาหารกลางวัน) หรือตามร้านราเมนที่มีหลาย ๆ ชั้น



ทางโรงแรมพาไปดูห้องหลายห้อง รวมทั้งห้องที่ให้น้องหมาพักได้ด้วยนะคะ แต่ขอรีวิวเน้นที่ห้องของตัวเองแล้วกัน ห้องที่ต๊ะพักคือ YATA 103 มีพื้นที่ 54 ตรม. เป็นห้องขนาดเล็กที่สุด (แต่กระนั้นก็ใหญ่มากสำหรับต๊ะ) ก่อนเดินเข้าพักได้กลิ่นไม้หอมฮิโนคิ หอมแตะจมูก เดินเข้าไปก็ร้อง อ้อ โครงสร้างหลายอย่างในตึกทำจากไม้หอมฮิโนคินี่เอง ของใช้ในห้องมีตามมาตรฐานนะคะ แชมพู ครีมนวด ยาสีฟัน สบู่ แชมพูกลิ่นหอม ใช้แล้วผมนิ่มมากไม่ต้องใช้ครีมนวดเลย อ้อ ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำก็ทำจากไม้หอมฮิโนคินะคะ





เอาของเก็บแล้ว ออกไปกินข้าวก่อนนะคะ มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนชื่อร้าน Wordsworthワーズワース เป็นร้านอาหารขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ตามมาตรฐานญี่ปุ่น ด้านในตกแต่งด้วยไม้ บรรยากาศอบอุ่น จัดโต๊ะห่างกันพอได้มีความเป็นส่วนตัว วันนี้เป็นวันจันทร์แต่ก็มีลูกค้าคับคั่งพอสมควรค่ะ ต๊ะมากับลูกค้าและนักเขียนอีกคนที่ร่วมทริปนะคะ ทุกคนสั่งอาหารคนละอย่าง และสั่งอาหาร 2-3 อย่างมาแชร์กัน ต๊ะสั่งสปาเก็ตตี้ครีมซอสใส่แซลมอนรมควันและผักปวยเล้ง เส้นสปาเก็ตตี้เป็นขนาดที่ต๊ะชอบไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ซอสหอม รสละมุน ผักสุกกำลังดีค่ะ




ที่ชอบเป็นพิเศษคือ Bagna Càuda อาหารเรียกน้ำย่อยที่สั่งมาแชร์กันค่ะ ทางร้านใช้ผักสดเสิร์ฟกับซอสข้นทำจากน้ำมันมะกอก แอนโชวี กระเทียม เกลือ และน่าจะใส่เห็ดด้วยเพราะได้กลิ่นค่ะ ซอสเสิร์ฟร้อนตั้งไฟมาเลย ผักสดกรอบจิ้มลงไปในซอสข้น ๆ เอาเข้าปาก โอยอร่อยเหาะ เข้ากับอากาศหนาวเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการกินเห็ดดิบ ชอบมากค่ะ


ทางร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษค่ะ แต่พนักงานหลายคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เราขอให้เค้าแนะนำอาหารได้ค่ะ หรือจะลอกโต๊ะข้าง ๆ ก็ได้ ถ้าของเค้าดูน่ากินก็บอกพนักงานไปเลยว่าเอาแบบนี้ ต๊ะทำบ่อยตอนพึ่งย้ายมาญี่ปุ่น ได้ลุ้นสนุกดีเหมือนกัน แต่ก่อนจะลอกเค้าก็เปิดเมนู สำรวจราคาอาหารก่อนก็ดีค่ะ

หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน กลับไปนอนดีกว่า ทางเดินกลับเงียบ มืดสลัวเพราะมีไฟตามถนนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ แต่ไม่ได้เปลี่ยวนะคะ มีคนเดินบ้าง โรแมนติก บรรยากาศเหมือนเมืองออนเซ็น รู้สึกเลยว่าหัวใจเต้นช้าลง เดินมาสักพักได้กลิ่นไม้หอมฮิโนคิ ถึงห้องพักแล้วค่ะ ห้องพักวันนี้อยู่ในบ้านชั้นเดียว เหมาะสำหรับสาว ๆ ดีนะคะ เพราะเวลาเรามองเห็นรอบ ๆ ตัวได้ทั่ว ก็อุ่นใจ หลับสบาย นอนแล้วค่ะ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าแล้วออกสำรวจเมืองดีกว่า

การเดินทาง
ทาโกะ (Tako Town): จากสนามบินนาริตะใช้บริการ Narita Airport Transit & Stay Program (Tour 3) ทัวร์ฟรี พร้อมไกด์ (ภาษาอังกฤษ) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ทัวร์ฟรีแต่มีค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ต้องชำระเอง (อย่างน้อย 600 เยน)

คาโตริ (ซาวาระ): จากสนามบินนาริตะใช้บริการ Narita  Airport Transit & Stay Program (Tour 10) ทัวร์รถบัสบริการทุกวันอังคาร พุธ และพฤหัส ค่าโดยสาร 3,500 เยน (เด็กครึ่งราคา) ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 

หรือจากสนามบินนาริตะ นั่งรถไฟ JR ไปถึงสถานี JR ซาวาระ 670 เยน (เที่ยวเดียว)

 

No comments:

Post a Comment