สตรอว์เบอร์รี่ มิลฟีย Strawberry Millefeuille
Friday, November 29, 2013
แฮปปี้สุดๆ เข้าหน้าสตรอว์เบอร์รี่กันอีกแล้วค่ะ ถ้าใครเคยมาโตเกียวอาจงงได้ว่าอ้าวหน้าสตรอว์เบอร์รี่มันช่วงมีนาหรือเมษาไม่ใช่หรอ ใช่ค่ะมันเคยเป็นอย่างนั้นแต่ด้วยความที่มันเป็นผลไม้ที่ปลูกได้หลายที่เหลือเกินในญี่ปุ่น อีกทั้งมีความต้องการในตลาดค่อนข้างสูง ตอนนี้เราจีงหาสตอเบอร์รี่อร่อยๆ กินกันได้นานกว่าเดิมเยอะ
สมัยก่อนคนญี่ปุ่นนิยมกินสตรอว์เบอร์รี่กับนมข้นหวาน จะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนสตรอว์เบอร์รี่รสอาจจะเปรี้ยวมากกว่านี้ หรือคนสมัยก่อนชอบของหวานๆ ต๊ะก็ไม่รู้ได้ แต่ถ้าสังเกตดูตามซุปเปอร์มาเก็ตในญี่ปุ่นจะยังเห็นนมข้นหวานวางขายเคียงคู่กับสตอเบอร์รี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
นอกจากจะกินสดๆ แล้ว คนญี่ปุ่นยังนิยมใช้สตรอว์เบอร๊รี่มาทำขนมอบหลายต่อหลายอย่าง วันนี้ต๊ะทำสตรอว์เบอร์รี มิลฟีย หรือ มิลเฟย ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส ที่ทำจากแป้งพายอบกรอบ สอดไส้ครีมคัสตาร์ด และสตรอว์เบอร์รี่สด โปะหน้าด้วยครีมสดและสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตๆ สไตล์ที่เห็นวันนี้เป็นแบบที่วางขายในโตเกียวนะคะ แบบต้นฉบับจะเหมือนหรือต่างตรงไหน ต๊ะก็ไม่รู้เหมือนกัน
สตรอว์เบอร์รี่ มิลฟีย เป็นขนมทีทำยาก รายละเอียดเยอะ ต๊ะทำวันนี้ก็พลาดไปหลายจุด แต่มันก็ยังออกมาหน้าตาผ่าน และรสชาติอร่อย ถ้ามีเวลาว่างวันเสาร์ อาทิตย์ ลองทำกันดูนะคะ
เอาล่ะค่ะตามมาดุสูตรสตรอว์เบอร์รี่ มิลฟีย ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า
ส่วนผสม
Frozen BELLAMY'S Pie Sheet 1 แผ่น
สำหรับครีมคัสตาร์ด
แป้งข้าวโพด 10 กรัม
แป้งเค้ก 10 กรัม
A)นมสด 200 มล.
วนิลาสกัด 1/2 ช้อนชา
นํ้าตาล 10 กรัม
เนย 35 กรัม
เกลือเล็กน้อย
B)ไข่แดง 2 ฟอง
นํ้าตาล 45 กรัม
นม 50 มล.
เฮฟวี่ครีม 100 มล.
สตรอว์เบอร์รี่ 4-5 ลูก
สำหรับแต่งหน้า
เฮฟวี่ครีม 200 มล.
นํ้าตาลไอซิ่ง 3 ช้อนโต๊ะ
สตรอว์เบอร์รี่ 3-4 ลูก
วฺิธีทำ
1. เห็นส่วนผสมแล้วอย่าเพิ่งถอดใจนะคะ มาเริ่มทำไส้คัสตาร์ดก่อนนะคะ ทำเสร็จแล้วเราจะเก็บแช่เย็นไว้ก่อน ร่อนแป้งทั้งสองอย่างรวมกันพักไว้ค่ะ
2. นำส่วนผสม A)ทั้งหมด ใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนจนละลายเข้ากันดี ยกลงพักไว้
3. ตีไข่แดงกับนํ้าตาลจนไข่แดงสีอ่อนลง แล้วเติมนม 50 มล ลงไป ผสมให้เข้ากัน
4. จากนั้นนํ้าส่วนผสมในข้อ 2 เทผสมลงไป แล้วตามด้วยแป้ง ผสมให้เข้ากัน
5. เอาส่วนผสมตั้งไฟแรง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ พอส่วนผสมข้นแล้วเทใส่อ่างผสมที่รองด้วยอ่างใส๋นํ้าแข็ง คนเร็วๆ จนส่วนผสมขึ้นเงา และจับแล้วรู้สึกเย็น เสร็จแล้วเอาเข้าตู้เย็นไว้
6. ตีเฮฟวี่ครีมด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อน เสร็จแล้วเอาไปตะล่อมรวมกับคัสตาร์ด แล้วเอาแช่เย็นไว้นะคะ
7. เอาแป้งพายอบที่ 180 องศา จนสุกกรอบเป็นสีนํ้าตาลทอง (ต๊ะใจร้อนเอาแป้งเอามาเร็วไปนิด เวลากินรู้สึกว่าถ้ารอให้แป้งกรอบกว่านี้ก็ดี) เสร็จแล้วพักไว้บนตะแกรงให้เย็นลง เสร็จแล้วตัดครึ่ง เก็บเศษแป้งพายไว้เอาไว้แต่งขนมตอนท้ายนะคะ
8.ตีเฮฟวี่ครีมสำหรับแต่งหน้ากับนํ้าตาลไอซิ่งด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอดแข็ง สไลด์สตรอว์เบอร์รี่เตรียมไว้ เราจะประกอบขนมกันแล้วค่ะ
9.บีบครีมคัสตาร์ดลงไปบนแป้งพาย แล้ววางสตรอว์เบอร์รี่ลงไป บีบครีมคัสตาร์ดอีกครั้ง แล้ววางสตรอว์เบอร์รี่ลงไปอีกชั้น บีบครีมคัสตาร์ดอีกรอบแล้ววางแป้งพายลงไป (ใครจะต่อมากกว่า 2 ชั้น ก็ลองดูได้นะคะ)
10. เสร็จแล้วเอาเฮฟวี่ครีมที่ตีไว้มาโบกให้ทั่ว แล้วบีบครีมตกแต่งหน้าขนมให้สวยงาม ส่วนด้านข้างเอาเศษแป้งพายมาแปะ ต๊ะใช้ครีมไขมันตํ่า ตียังไงครีมก็ไม่แข็ง ทำออกมาไม่สวยเลย คราวหน้าแก้ตัวใหม่นะคะ
Note: ถ้าไม่มี pie weights ให้ใช้ถาดอบขนมวางบนแป้งพายเพื่อไม่ให้แป้งฟูนะคะ ถ้าไม่ใช้ถาดวางทับแป้งจะฟูมาก และจะฟูแบบไร้ทิศทาง ประกอบขนมยาก ออกมาจะเหมือนภาพด้านล่างค่ะ ถ้ามีถาดวางแป้งจะคงรูปเนี๊ยบขึ้น ดูภาพล่างสุดนะคะ
Note: ถ้าไม่มี pie weights ให้ใช้ถาดอบขนมวางบนแป้งพายเพื่อไม่ให้แป้งฟูนะคะ ถ้าไม่ใช้ถาดวางทับแป้งจะฟูมาก และจะฟูแบบไร้ทิศทาง ประกอบขนมยาก ออกมาจะเหมือนภาพด้านล่างค่ะ ถ้ามีถาดวางแป้งจะคงรูปเนี๊ยบขึ้น ดูภาพล่างสุดนะคะ
2 comments
Very pretty!!! You're amazing!
ReplyDeleteThank you for your kind comment.
ReplyDelete