Monday, January 9, 2012

Freezing Seoul : Christmas 2011

และแล้วต๊ะ ซาดาโอะ โคชิ ก็เดินทางมาถึงสนามบินคิมโป กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยสวัสดิภาพ
ไม่ได้ถ่ายรูปมาโชว์ เพราะว่าเป็นสนามบินเล็กๆ ดูๆ ไปแล้วไม่มีอะไรโดดเด่น คล้ายๆ กับดอนเมืองบ้านเรานี่เอง

 จากสนามบินสู่โรงแรมเราเลือกเดินทางไปโรงแรมด้วยรถไฟ พอไปถึงสถานีถึงรู้ว่าพลาดอย่างแรง ไม่ใช่ว่ารถไฟเกาหลีเก่าเยิน โทรม ไม่น่านั่งหรอกค่ะ
แต่เห็นคลื่นมหาชนที่สถานีโซล ต๊ะเกือบลมใส่ ลืมคิดไปเลยว่าวันนี้มันวันคริสมาสต์อีฟนี่นา แต่จะย้อนกลับไปตั้งหลักใหม่ก็ไม่ได้อีก เพราะต้องเบียดคนล้านเจ็ดออกไป ก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินตัวลีบขึ้นรถไฟไป กว่าจะมาถึงโรงแรมได้ อย่าให้บ่นเลย นี่ขนาดว่าโรงแรมอยู่ใกล้นะ

มาถึงโรงแรมแล้ว ขอพูดถึงที่พักเล็กน้อย เราเลือกพักที่โรงแรม The Prince ที่ตั้งอยู่ในย่าน Myeongdong เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ห้องพักไม่หรูหรา แต่ก็สะอาด สะอ้านอยู่ใจกลางเมือง เดินทางไปไหนก็สะดวกมากๆ 

ถึงที่พักแล้ววางกระเป๋าออกเดินทางทันที จุดหมายวันแรกวันนี้คือ Seoul Tower ค่ะ เดินลุยหิมะจากโรงแรมไปประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง ก็ถึงสถานีรถเคเบิล แต่ด้วยความที่มันหนาวมากๆ รู้สึกเหมือนมันไกลแสนไกล โชคดีที่ใส่รองเท้าบูทซานตาคอสขนปุยมา ไม่งั้นขาชาแน่  


มาถึงแล้วต้องขึ้นลิฟท์ไปสำรวจด้านบน มองจากหอคอยลงมาเห็นโซลเป็นเมืองเล็กๆ อยู่รายล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เห็นแม่นํ้าสายใหญ่แบ่งเมืองเป็นสองฝั่ง สวยน่าอยู่
ด้านล่างหอคอยมีต้นไม้สูงใหญ่เรียงราย นับร้อยต้น ถ้าเป็นฤดูร้อนคงจะเขียวร่มรื่นทีเดียว แต่ถึงจะมาหน้าหนาว แต่ก็สวยนะ ซาดาโอะไม่ชอบหิมะ อาจจะถึงขั้นเกลียดก็ได้ แต่ต๊ะชอบ หิมะสีขาวเกาะอยู่ตามกิ่งไม้   ใต้ท้องฟ้าสีเทามันสวยนะ ถึงจะสวยแบบเหงาๆ ก็เถอะ

เสร็จแล้วเราก็กลับโรงแรมกันก่อน นอนพักแล้วเริ่มเที่ยวกันใหม่ในวันที่สอง วันที่สองนี้เริ่มกันที่พระราชวัง
Gyeongbokgung   เราออกเดินทางด้วยเท้าเหมือนวันแรก แต่ลมหนาวที่พัด (กระหนํ่า)ถูกหน้าทำให้เราต้องแวะพักยาวๆ 
ที่ สตาร์บัคก่อน เครื่องดื่มร้อนๆ กับขนมหอมอร่อย ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แล้วก็ไปกันต่อ 


ระหว่างเดินผ่านคลอง Cheonggyecheon อันเลื่องชื่อ มองเห็นนํ้าใสเหมือนนํ้าประปา เห็นแล้วอยากปรับโฉมคลองแสนแสบบ้านเราจัง

และแล้วก็มาถึงพระราชวัง Gyeongbokgung ต๊ะเองมองแล้วคิดว่าความงามของพระราชวังส่วนหนึ่ง คงจะเป็นท้องฟ้า และภูเขาสูงที่โอบล้อมตัววังแห่งนี้ด้วย พระราชวังกว้างขวางเดินแทบไม่ไหว เพราะหนาวเหลือเกิน     


โชคยังดีที่ด้านในมีพิพิธภัณฑ์และฮีตเตอร์อุ่นๆ ให้เราพักพิง  เราสามคนก็เลยเดินแวะเข้าไปชมภาพจำลองของวิถีชีวิตคนเกาหลีในยุคก่อน 
ภาพจำลองการทำกิมจิ
เสร็จแล้วออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์ Lotte World Folk Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า กลายเป็นว่าทริปนี้กลายเป็นทริปเน้นพิพิธภัณฑ์เพราะสภาพอากาศบังคับ 
ด้านในมีภาพจำลองวิถีชีวิตของคนเกาหลีในอดีต มองเห็นความเป็นอยู่ พิธีกรรม การละเล่น 
รวมทั้งบ้านเรื่อน ปราสาท พระราชวังขนาดจำลอง ทำได้ละเอียดสวยงาม สนุกดีเหมือนกันไม่หนาวด้วย
บ่นเรื่องอากาศหนาวซะมากมาย ขอโชว์หลักฐานหน่อยดีกว่า ภาพนี้เป็นภาพนํ้าตกจำลอง ในวัดเล็กๆ ที่เราไปเที่ยวกัน นํ้าเย็นจนกลายเป็นนํ้าแข็งเกาะอยู่บนก้อนหิน 

วันที่สามวันสุดท้ายของการทัวร์เกาหลี เริ่มต้นด้วยการไปดื่มชาที่ถนนนํ้าชาที่ Insadong Market ความหนาวทำให้ต๊ะไม่ได้ถ่ายรูปมาสักใบ แต่บอกได้ว่าถ้ามาโซลก็ไปเถอะ มีนํ้าชาร้อนๆ กับขนมหวานๆ ให้เลือกกินได้เต็มที่ 
จากนั้นก็ไปต่อกันด้วยคุกที่ทหารญี่ปุ่นสร้างไว้ในช่วงสงครามโลก ครั้งที่2 มันหดหู่ไปหน่อยต๊ะไม่ได้ถ่ายรูปมาเหมือนกัน 


ปิดท้ายทริปเราเดินทางไปดูรูปปั้นโสเภณีที่ตั้งอยู่หน้าสถานฑูตญี่ปุ่นกัน คนเกาหลีสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นเพื่อต้องการประท้วงญี่ปุ่น อ้างว่าทหารญี่ปุ่นได้ใช้กำลังบังคับให้ผู้หญิงเกาหลีขายตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง 
จริงๆ แล้วมันไม่ใช่รูปปั้นหรอก มันดูเหมือนรูปหล่อสัมริดมากกว่า แต่ครั้นจะเรียกว่าอนุสาวรีย์โสเภณีมันก็ยังไงอยู่นะ 


เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ แล้วรูปปั้นนี้ควรจะมีอยู่หรือเปล่า ต๊ะไม่ขอออกความเห็นแล้วกัน แต่ขอนำเสนอในฐานะของแปลก แต่จริง   


มาถึงเกาหลีแล้วจะไม่พูดถึงอาหารเลยคงไม่ได้ แต่ก็ขอกั้กไว้เป็นอีกโพสต์ดีกว่า เพราะโพสต์นี้จะยาวเกินไปค่ะ  


ปล. ต๊ะตัดทอนรายละเอียดในการเดินทางไป เพราะไม่ใช่เจ้าถิ่น กลัวว่าจะพาหลงซะเปล่าๆ หากอยากไปเที่ยวเกาหลีแบบไม่ง้อทัวร์แล้ว ไกด์บุคดีๆ สักเล่มช่วยได้ค่ะ

No comments:

Post a Comment